ผิวหนังประกอบด้วย 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis), ชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous tissue) หรือ ชั้นไขมัน (Subcutaneous)

1. หนังกำพร้า (Epidermis) เป็นชั้นของผิวหนังที่ปกคลุมอยู่บนสุด จะประกอบไปด้วยเซลล์ที่มีการเรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ และเกิดใหม่ โดยที่เซลล์ใหม่จะถูกสร้างจากชั้นล่างสุดติดกับหนังแท้และเจริญเติบโตขึ้น แล้วค่อย ๆ เคลื่อนตัวมาทดแทนเซลล์ที่อยู่ชั้นบนจนถึงชั้นบนสุดแล้วก็กลายเป็นขี้ไคล (Keratin) หลุดลอกออกไป นอกจากนี้ในชั้นหนังกำพร้ายังมีเซลล์ ที่เรียกว่า เมลานิน ปะปนอยู่ด้วย เมลานินมีมากหรือน้อยขึ้น อยู่กับบุคคล เชื้อชาติ และพันธุกรรม จึงทำให้สีผิวของคนแตกต่างกันไป ในชั้นของหนังกำพร้าไม่มีหลอดเลือด เส้นประสาท และต่อมต่าง ๆ ซึ่งเป็นทางผ่านของรูเหงื่อ เส้นขน และไขมันเท่านั้น

2. หนังแท้ (Dermis) เป็นผิวหนังที่อยู่ชั้นล่างถัดจากหนังกำพร้า แต่หนากว่าหนังกำพร้ามากจะประกอบด้วยโปรตีนหลัก 2 ชนิด คือ เนื้อเยื่อ คอลลาเจน (Collagen) และเนื้อเยื่อ อีลาสติค (Elastic) คอลลาเจน (Collagen) ช่วยให้ความแข็งแรงแก่ผิวหนัง และช่วยในการซ่อมแซมผิวหนังที่บาดเจ็บ ซึ่งถ้าสร้างในปริมาณมากก็เกิดเป็น แผลเป็น นั่นเองส่วน อีลาสติน (Elastin) สร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง และในชั้นหนังแท้นี้ยังเป็นที่อยู่ของ หลอดเลือด เส้นประสาท กล้ามเนื้อเกาะเส้นขน ต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อ และขุม ขนกระจายอยู่ทั่วไป

3. ชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous tissue) หรือ ชั้นไขมัน (Subcutaneous) ประกอบด้วยเซลล์ไขมันเป็นหลัก ทําหน้าที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย คล้ายฉนวนกันความร้อนช่วยลดแรงกระทบกระแทกจากภายนอก และชั้นไขมันนี้จะมีมากเฉพาะบริเวณสะโพก เอว ต้นขา ที่เรียกว่า Cellulite คือไขมัน ที่มีเนื้อเยื่อคล้ายพังผืดแทรกอยู่ทําให้เกิดการดึงรั้งผิวหนังเห็นเป็นลอน ๆ จากภายนอกการเกิด Cellulite ไม่ขึ้นกับ ปริมาณของไขมันในร่างกาย คนผอมก็มี Cellulite

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม Line : @mdearthailand

Leave a comment