1.เอสพีเอส 60 นั้นให้ผลที่ดีกว่า เอสพีเอฟ 30
ความเขื่อนี้ เป็นความเชื่อที่ผิดมากๆ และยังคงมีคนไม่น้อยที่ยังเข้าใจผิดอยู่ จริงๆแล้วผลิตภัณฑ์ที่มีเอสพีเอฟที่สูงไม่ได้แปลว่าจะทำให้ป้องกันแสงแดดได้ดีกว่า แต่ SPF หรือ Sun Protection Factor เป็นค่าการป้องกันและบ่งบอกประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสีUVB ว่าเราจะอยู่กลางแสงแดดได้นานเท่าใดโดยที่ผิวของเราไม่ไหม้ เช่น ถ้าเราอยู่กลางแสงแดด 10 นาที แล้วผิวของเราเริ่มแดงไหม้ นั่นคือผิวเราทนได้แค่ 10 นาที หากทากันแดดที่มี SPF 30 ผิวเราจะทนแดดได้นาน 10×30 = 300 นาที หรือประมาณ

5 ชั่วโมง โดยที่ผิวไม่แดงไหม้นั่นเอง แต่เมื่อเรามาดูการดูดซึบของรังสีUVB จะเห็นว่า ไม่ว่าคุณจะทาครีมกันแดดที่มีเอสพีเอฟ 30 หรือ 60 ก็ให้ผลแทบจะไม่แตกต่างกัน เพราะ
ค่า SPF เท่ากับ 15 จะดูดซับ UVB ได้ 93.3%
ค่า SPF 30 จะดูดซับ UVB ได้ 96.7%
ค่า SPF 50 จะดูดซับ UVB ได้ 98%

ดังนั้น ไม่ว่าจะใช้ SPF30 หรือ SPF60 ก็ให้ประสิทธิภาพแทบจะไม่แตกต่างกัน ถึงอย่างไรแล้ว เมื่อสารกันแดดสัมผัสเหงื่อ น้ำ แสงแดด ฯลฯ สารกันแดดก็จะเสื่อมประสิทธิภาพลงทำให้เราต้องทาซ้ำ แถมยังต้องเสี่ยงกับอาการแพ้และความเหนอะหนะจากสารกันแดดที่มีค่า SPF สูงมาก ๆ อีกด้วยถ้าคุณอยากให้มีประสิทธิภาพกันแดดที่ยาวนานคุณก็ต้องทามันซ้ำๆระหว่างวันอยู่ดี โดยคุณต้องทาซ้ำๆ ทุก 2 ชั่วโมง

2.ไม่เคยผิวไหม้แดด แสดงว่าผิวก็ไม่ถูกทำร้ายจากแสงแดด
ความเชื่อนี้ก็ผิดอีกเช่นกัน หากคุณคิดว่าเพียงแค่ผิวไม่ไหม้แดดไม่ได้แปลว่าร่างกายของคุณจะมีภูมิต้านทานต่อแสงแดด จะทำให้เกิดการทำร้ายสะสมจากยูวีเอที่จะทำให้ผิวเกิดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควรซึ่งเราไม่อาจรู้ตัวได้ ยิ่งไปกว่านั้นอาจก่อให้เกิดเป็นมะเร็งผิวหนังได้ในอนาคต

3.ผิวแทนอยู่แล้ว ดังนั้นผิวไม่ไหม้แดดแน่นอน
โดยเฉพาะสาวๆที่มีสีผิวเข้มอยู่แล้ว ชอบคิดว่าอาบแดดเท่าไรก็ได้ ก็คงไม่ได้ดำไปกว่านี้ และผิวไม่ไหม้แน่นอน ขอบอกว่า ผิดอย่างมหันต์! เนื่องจากซันแทนนั้นให้การปกป้องแสงแดดที่น้อยมากและคุณไม่มีทางที่จะรู้เลยว่าผิวของคุณนั้นโดนทำร้ายจากแสงแดดมามากแล้ว เพราะหลังที่ผิวถูกแดดมาเป็นเวลานานๆโดยไม่มีครีมกันแดดปกป้องแสงรังสีอยู่วี ผิวของคุณจะแสงและหยาบกร้านจนคุณรู้สึกได้ เนื่องจากผิวสูญเสียน้ำมาก ดังนั้นควรใช้ครีมกันแดดไม่ว่าคุณจะมีผิวที่แทนขนาดไหนก็ตาม เชื่อสิ

4.ถ้างั้นควรใช้ครีมกันแดดที่มีแค่ SPF ก็เพียงพอแล้ว
นั่นเป็นแค่สิ่งที่คุณคาดเดาเท่านั้น เพราะเอสพีเอฟนั้นปกป้องผิวคุณจากรังสียูวีบีเท่านั้นแต่อย่าลืมว่ามียูวีเอที่เป็นตัวร้ายที่สุดในบรรดารังสีที่ส่องลงมาที่พื้นผิวโลก มีชื่อว่า รังสี Long-UVA ซึ่งมีค่าความยาวคลื่น 340-400 นาโนเมตร รังสีตัวนี้จะลงลึกไปถึงชั้นผิวหนัง ทะลุผ่านไปได้มากกว่ารังสียูวีบีที่คนส่วนใหญ่รู้จัก ทำให้ผิวเราแก่เร็วและเกิดริ้วรอยได้ง่าย ดังนั้นเราควรหาครีมกันแดดที่สามารถป้องกันรังสียูวีเอและยูวีบี
และอย่าลืมดูที่ฉลากควรมี PA++++ด้วย

5.ใส่หมวกแล้ว ไม่ต้องทาครีมกันแดดก็ได้
ใช่อยู่ว่า หมวกนั้นสามารถป้องกันใบหน้าคุณจากแสงแดดได้ก็จริง แต่อย่าลืมว่าแสงนั้นสามารถสะท้อนไปได้ทุกทิศทาง เมื่อแดดสะท้อนลงสู้พื้นโลกมันก็สามารถสะท้อนกลับจากพื้นมาทำร้ายผิวหน้าของคุณได้แม้ว่าจะสวมหมวกอยู่ก็ตาม

Leave a comment