1.ต้องรู้จักผิวตัวเองให้ดีก่อน
ก่อนที่เราจะควักเงินในกระเป๋าให้กับ Skincare ที่ราคาสูง เพื่อแลกกับคุณภาพและความเชื่อมั่นของแบรนด์และผลิตภัณฑ์นั้นๆ เราควรรู้จักตัวตนของผิวเราเสียก่อนว่าเราเป็นคนมีผิวประเภทไหน ผิวธรรมดา ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม ผิวเป็นสิวง่าย หรือผิวแพ้ง่าย เพราะผิวแต่ละประเภทนั้นมีการดูแลที่ต่างกัน รวมทั้งอายุ ก็มีส่วน หากเราถึงวัยที่ควรดูแลเรื่องริ้วรอยแต่ไม่ได้โฟกัสในเรื่องนี้เลย มุ่งเน้น Skin care ที่ทำให้ผิวขาวอย่างเดียว ก็คงไม่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของคุณนัก หากคุณมีผิวที่ขาว แต่มากไปด้วยริ้วรอย มันจะดูสวยได้อย่างไรล่ะ
2.ต้องอ่านส่วนผสมข้างขวดให้เป็น
จุดหนึ่งที่เราต้องดู เพราะมีความสำคัญไม่แพ้ป้ายราคาเลยก็คือ ฉลากของส่วนผสมที่อยู่ข้างๆ ขวดเพราะยิ่งเรารู้จักส่วนผสมเยอะก็ยิ่งทำให้เราเลือก Skincare ได้โดนใจเราที่สุด อย่างไรก็ตามถ้าคิดว่ายากเกินไปอย่างน้อยเราก็ ควรรู้ถึงสารต้องห้ามพื้นฐานที่เราไม่ควรใช้ จะได้หลีกเลี่ยงได้ ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้หน้าเราพังได้เช่นกัน ซึ่งสมัยนี้ค้นคว้าหาข้อมูลกันง่ายมากๆ แต่ก็ต้องมาจากแหล่งและเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ด้วย
3.ตัดใจหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารที่ก่อนให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย
อย่างที่กล่าวไปแล้วจากข้อ 2 ว่าควรอ่านส่วนผสมข้างขวดให้เป็นด้วย เพราะฉนั้นเราควรมีความรู้ว่าสารตัวไหนบ้างที่ไม่ควรมีอยู่ หรือไม่จำเป็นต้องมีอยู่ใน Skin Care โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวคนไหนที่มีผิวแพ้ง่าย ถึงง่ายมาก เรียกว่าแพ้ไปหมดทุกอย่างบนโลกใบนี้ บางคนถึงขนาดกลัวจนต้องล้างหน้าแต่น้ำเปล่า และไม่กล้าบำรุงอะไรเลย ดังนั้นเรามาดูกันว่าสารอะไรบ้างที่ควรเลี่ยง
พาราเบน หรือ สารกันเสียที่พบในเครื่องสำอาง และ Skincare หลายๆ ตัว เคยมีการประกาศออกมาว่า สารตัวนี้เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็งเต้านม แม้จะยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า สารชนิดนี้ ถ้าใช้แล้วจะทำให้เสี่ยงเป็นโรคมะเร็งจริงหรือเปล่า แต่เพื่อความปลอดภัย ระวังไว้บ้างก็ไม่เป็นเรื่องที่เสียหายอะไร
แอลกอฮอล์ ทำให้ผิวแห้ง และเกิดอาการระคายเคือง ทำให้หน้าผิวสร้างน้ำมันมากกว่าเดิม และไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนเป็นสิว อย่างไรก็ตาม แอลกอฮอล์ที่ไม่ดีและควรหลีกเลี่ยงคือ alcohol denat, SD alcohol, isopropyl alcohol ในขณะที่แอลกอฮอล์อย่าง cetyl, stearyl, and cetearyl alcohol นั้นไม่ได้ทำร้ายผิวดังนั้นจึงมีอยู่ในส่วนผสมได้ แต่เพื่อความง่ายเวลาซื้อ Skincare ให้มองหาสูตร Alcohol Free เพื่อยืนยันว่าไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่ทำร้ายผิว
Sodium Lauryl Sulfate (SLS) สารกลุ่มซัลเฟตที่ช่วยทำให้เกิดฟองในโฟมล้างหน้า แต่มันกลับเป็นสารที่เราต้องระมัดระวัง เพราะเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวเราเกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย
นอกจากนี้ยังมีสารจำพวก แต่งเติมสีให้ดูสวย น่าใช้แต่ไม่ได้มีประโยชน์ใดๆต่อผิว มิเนรัลออย และน้ำหอมก็ด้วยเช่นกัน
4. ต้องรู้ว่าแพ็คเกจจิ้งมีผลต่อประสิทธิภาพ
แพ็คเกจจิ้ง หรือบรรจุภัณฑ์ของก็สามารถบ่งบอกถึงคุณภาพของ Skincare นั้นได้ ซึ่งเพคเกจจิ้งที่ดี ไม่ใช่แค่ดีไซน์สวยงาม แต่ต้องมีคุณสมบัติในการปกป้องผลิตภัณฑ์ 3 อย่างดังต่อไปนี้
ไม่โดนแสง – ไม่โดนอากาศ – ไม่โดนมือ
ส่วนผสมที่มีประโยชน์หลายๆตัวใน Skincare โดยเฉพาะสารต่อต้านอนุมูลอิสระ เช่นวิตามิน C, วิตามิน A นั้นหากโดนอากาศ หรือแสงเพียงน้อยนิดก็พร้อมจะสลายตัวไปทันที ทำให้ Skincare ของคุณไม่ว่าจะมีส่วนผสมที่ดี หรือราคาแพงขนาดไหน ก็ไม่ต่างอะไรกับครีมเปล่าๆ ไร้ค่าที่ไม่ช่วยอะไรผิวเลยหากโดนแสงหรืออากาศแล้ว นอกจากนี้การใช้นิ้วมือสัมผัสกับครีมในกระปุกจะทำให้แบคทีเรียบนมือเราไปอยู่ในครีมอีกด้วย ดังนั้นเราแนะนำให้เลิกใช้ครีมที่มาในรูปแบบกระปุกที่ต้องมีการเปิดฝา แต่ให้เลือกใช้ครีมที่อยู่ในหลอดสุญญากาศแทนเพราะช่วยรักษาประสิทธิภาพของ Skincare ให้คงเดิมตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้จดถึงหยดสุดท้าย (นอกจากนี้หลอดสุญญากาศยังทำให้คุณกดเนื้อครีมออกมาได้จนเกลี้ยง ช่วยคุณประหยัดเงินได้อีกด้วย)
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม Line : @mdearthailand